บทความพลังงาน

การประหยัดพลังงานใน "ที่ทำงาน" 
[ ตอบกระทู้นี้เพิ่ม คลิกที่นี่ ]

การประหยัดพลังงานใน "ที่ทำงาน"

"ที่ทำงาน" มีการใช้พลังงานหลายรูปแบบมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจการ
ซึ่งเจ้าของกิจการหรือแม้แต่พนักงานทุกระดับสามารถประหยัดพลังงานได้ โดยมีแนวทางการ
ประหยัดพลังงาน ดังนี้
แนวทางการประหยัดพลังงาน
แนวทางที่พนักงานทุกระดับควรปฏิบัติเพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานในที่ทำงานแยก เป็น 3 ระบบหลักๆ คือ ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ ระบบไฟฟ้าแสงสว่างอุปกรณ์ อื่นๆ
ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
(ใช้ไฟฟ้าประมาณร้อยละ 60 ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในอาคาร) ระบบปรับอากาศมีหลายชนิด แต่ที่ใช้กันมากในอาคารสถานที่ทำงาน มักจะเป็นเครื่อง ทำน้ำเย็นแบบศูนย์ระบายความร้อนด้วยน้ำและเครื่องปรับอากาศแบบชุดระบายความร้อนด้วย อากาศหรือน้ำ


1. ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

(ประหยัดการใช้พลังงานของระบบปรับอากาศได้ร้อยละ 5-10)

- การลดชั่วโมงการทำงาน
ปิดเครื่องทำน้ำเย็นซึ่งใช้ไฟฟ้ามาก ก่อนเวลาเลิกงาน 15-30 นาที เนื่องจากน้ำ เย็นในระบบยังมีความเย็นเพียงพอ ปิดเครื่องส่งลมเย็น หรือเครื่องปรับอากาศแบบชุด ในเวลาพักเที่ยง หรือในบริเวณ ที่เลิกใช้งาน ปิดพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำหลังเลิกงานและวันหยุด
- ปรับตั้งอุณหภูมิเทอร์โมสตัทให้เหมาะสม
ตั้งอุณหภูมิที่ 78 ํ F (25 ํ C) ในบริเวณที่ทำงานทั่วไปและพื้นที่ส่วนกลาง
ตั้งอุณหภูมิที่ 75 ํ F (24 ํ C) ในบริเวณพื้นที่ทำงานใกล้หน้าต่างกระจก
ตั้งอุณหภูมิที่ 72 ํ F (22 ํ C) ในห้องคอมพิวเตอร์
การปรับอุณหภูมิเพิ่มทุกๆ 1 ํ C จะช่วยประหยัดพลังงานร้อยละ 10 ของเครื่องปรับอากาศ
- ในกรณีที่มีเครื่องทำน้ำเย็นติดตั้งแบบขนานกันหลายเครื่อง ไม่ควรเดินเครื่องทำน้ำเย็นที่เป็นเครื่องสำรอง ในขณะที่ยังมีภาระทำความเย็นต่ำ (เช่นในวันนั้นมีคนมาทำงานจำนวนน้อย อากาศนอกอาคารเย็น หรือมีฝนตก) เพื่อที่จะทำให้ ระบบมีประสิทธิภาพสูงสุด และควรปิดวาล์วน้ำเย็นและน้ำหล่อเย็นที่เข้าและออกจากเครื่องทำ น้ำเย็นสำรองนั้น
- ควรบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอโดยการตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ การทำ ความสะอาด และตรวจสอบรอยรั่วตามขอบกระจกและผนังทุก 3-6 เดือน

2. ปรับปรุงและติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน

(ประหยัดการใช้พลังงานของระบบปรับอากาศได้ร้อยละ 10-25)

- ปรับปรุงในส่วนระบบน้ำเย็น
- ควรเลือกเครื่องทำน้ำเย็นที่มีประสิทธิภาพสูง (ค่ากิโลวัตต์ต่อตันต่ำ) และเลือกจำนวนเครื่องให้ทำงานได้ค่าประสิทธิภาพสูงที่ภาระสูงสุดและภาระต่ำสุดติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กแบบแยกส่วนที่มีค่า EER สูง (เบอร์5) สำหรับบริเวณที่มีการทำงานในช่วงเย็น หรือในวันหยุด เพื่อลดชั่วโมงทำงานของเครื่องทำน้ำเย็น
- ปรับปรุงฉนวนท่อน้ำเย็น เพื่อลดความร้อนที่ถ่ายเทเข้าไปสู่น้ำเย็น ซึ่งช่วยให้เครื่องทำน้ำเย็นใช้ไฟฟ้าลดลง
* EER : Energy Efficiency Ratio (อัตราส่วนประสิทธิภาพพลังงาน)
- ปรับปรุงในส่วนระบบลมเย็น
- ใช้เทอร์โมสตัทชนิดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความแม่นยำในการควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งความถูกต้องในการควบคุมอุณหภูมิ 1 ํ C จะประหยัดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ ถึงร้อยละ 10
- ใช้แผงกรองอากาศประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความสกปรกที่ขดน้ำเย็น เป็นการ เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องส่งลมเย็นและทำให้คุณภาพอากาศในที่ทำงานดีขึ้น
- ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบค่าคาร์บอนไดออกไซด์ภายในที่ทำงาน เพื่อควบคุม การเปิดปิดทางเข้าของอากาศภายนอก ไม่ให้เข้ามาในอาคารมากเกินไปในขณะที่ยังคงรักษา ปริมาณอากาศบริสุทธิ์ในที่ทำงานให้เพียงพออยู่เสมอ
- ใช้อุปกรณ์ควบคุมปริมาณลม พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมความเร็วรอบ มอเตอร์พัดลมของเครื่องส่งลมเย็น เพื่อขจัดปัญหาภาวะไม่สมดุลย์ของลมที่จ่ายในแต่ละพื้นที่ ทำงานในขณะเดียวกันยังเป็นการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
- ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติ
ระบบควบคุมอัตโนมัติ เป็นระบบประหยัดพลังงานทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ใช้ง่าย สามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์จำนวนมากโดยใช้บุคลากรเพียงคนเดียว สามารถกำหนดชั่วโมงทำงานของระบบปรับอากาศได้ถูกต้องแม่นยำและมีประสิทธิ ภาพ กล่าวคือ สามารถเปิดและปิดอุปกรณ์ตามเวลาที่กำหนด (Time Schedule) และ สามารถเปิดและปิดตามสภาพอากาศภายนอกและตามภาระทำความเย็น (Optimum Start -Stop)
- สามารถควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศในระยะไกล (จากหน้าจอ คอมพิวเตอร์)
- ปรับปรุงในส่วนอาคาร
- ผนังทึบ ผนังภายนอกควรทาสีขาวหรือสีอ่อน เพื่อช่วยสะท้อนความร้อน
ผนังภายในควรบุฉนวนกันความร้อน
- ผนังกระจก (ซึ่งนิยมมากสำหรับอาคารสถานที่ทำงานในปัจจุบัน) ควรใช้กระจกชนิดสะท้อนรังสีความร้อน (Heat Mirror) แทนที่จะใช้กระจกใสธรรมดา กรณีอาคารเก่าที่ใช้กระจกใสธรรมดา ก็ควรพิจารณาติดฟิล์มชนิดสะท้อนรังสีความร้อน

ระบบแสงสว่าง

(ใช้ไฟฟ้าประมาณร้อยละ 25 ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของอาคาร)

1. ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ (ประหยัดพลังงานของไฟฟ้าแสงสว่างได้ร้อยละ 1-5) ปิดไฟในเวลาพักเที่ยงหรือเมื่อเลิกใช้งาน
- ถอดหลอดไฟในบริเวณที่มีความสว่างมากเกินความจำเป็น ทั้งนี้ควรถอดบัลลาสต์
- บำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบการทำงานและความสว่าง ทำความ สะอาดสม่ำเสมอ ทุกๆ 3-6 เดือน

2. ปรับปรุงและติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน (ประหยัดพลังงานของไฟฟ้าแสงสว่างได้ร้อยละ 25-30)
- เลือกใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง
เลือกใช้หลอดที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ 18 และ 36 วัตต์ ชนิดไตรฟอสฟอร์ (หลอดซุปเปอร์ลักซ์) ซึ่งจะให้แสงสว่างมากกว่าหลอดผอมธรรมดาถึงร้อย ละ 30แต่ใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม ใช้หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์แทนหลอดไส้ ใช้บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์แทนบัลลาสต์ชนิดขดลวดแกนเหล็กทำให้การใช้ไฟฟ้าลด ลง 10 วัตต์ เหลือเพียง 1-2 วัตต์ นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟถึง 2 เท่า ใช้โคมประสิทธิภาพสูง จะช่วยลดจำนวนหลอดไฟจากเดิม 4 หลอดใน 1 โคม เหลือ 2 หลอด โดยที่ความสว่างยังคงเดิม
- ปรับปรุงระบบแสงสว่าง
- ติดตั้งสวิตซ์ไฟให้สะดวกในการเปิดปิด (ควรอยู่ที่ประตูทางเข้าออก) และควรแยก สวิตซ์ควบคุมเป็นแถว ไม่ควรมีสวิตซ์เดียวควบคุมการเปิดปิดทั้งชั้น
- ควรติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างให้ใช้เฉพาะที่เท่านั้น
- ใช้แสงธรรมชาติช่วยในบริเวณที่ทำงานริมหน้าต่างและระเบียงทางเดิน
- ใช้ระบบควบคุมแสงสว่างอัตโนมัติ
- ใช้อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อเปิดปิดไฟอัตโนมัติ เช่น ห้องประชุม และห้อง
ผู้บริหาร
- ใช้อุปกรณืควบคุมการเปิดไฟอัตโนมัติตามเวลา เช่น บริเวณที่ทำงาน ทางออก และ
ห้องน้ำ
- ใช้อุปกรณ์หรี่แสง เช่น บริเวณที่ทำงานริมหน้าต่าง

อุปกรณ์อื่นๆ

(ใช้ไฟฟ้าประมาณร้อยละ 15 ของการใช้พลังงานทั้งหมดของอาคาร)

1. อุปกณ์สำนักงาน

ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer) เครื่องพิมพ์ผล (Printer) เครื่องถ่ายเอก
สารและเครื่องโทรสาร
- ปิดเครื่องหลังเลิกงานพร้อมทั้งดึงปลั๊กออกด้วย เนื่องจากยังมีการสิ้นเเปลืองพลังงาน ยกเว้น เครื่องโทรสาร ซึ่งต้องเปิด 24 ชั่วโมง
- ปิดจอภาพในเวลาพักเที่ยง เนื่องจากจอภาพใช้ไไฟ้ากว่าร้อยละ 70 ของ คอมพิวเตอร์ และควรสั่งให้ระบบประหยัดพลังงานอัตโนมัติที่มากับเครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
- ซื้อเฉพาะอุปกรณ์สำนักงานที่มีสัญลักษณ์ Energy Star และตรวจสอบว่า ระบบประหยัดพลังงานทำงานได้จริง
- ซื้อจอภาพขนาดที่เหมาะสม เช่น จอภาพ 14 นิ้ว ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าจอภาพ 17 นิ้ว
- พิจารณาเครื่องพิมพ์ผล (Printer) และครื่องถ่ายเอกสารที่มีระบบถ่าย 2 หน้า จะช่วยประหยัดกระดาษ

2. ลิฟท์

- ควรใช้บันไดกรณีขึ้นลงชั้นเดียว
- ควรตั้งโปรแกรมให้ลิฟท์หยุดเฉพาะชั้นคี่ หรือชั้นคู่ เนื่องจากลิฟท์ใช้ไฟฟ้ามาก ในขณะออกตัว

3. ปั๊มน้ำ

- ใช้หัวน้ำก็อกชนิดประหยัดน้ำ
- ควรติดมิเตอร์วัดการใช้น้ำ แยกระหว่างระบบน้ำที่ใช้ระบายความร้อนของเครื่อง ทำน้ำเย็นกับระบบประปา เพื่อง่ายต่อการควบคุมตรวจสอบการใช้ปริมาณน้ำ
- ควรนำน้ำจากอ่างล้างมือมาใช้รดต้นไม้ (บริเวณรอบๆ สถานที่ทำงาน) หรือติดตั้ง อุปกรณ์ตรวจสอบความชื้นที่ผิวดิน บริเวณปลูกต้นไม้ เพื่อควบคุมการทำงานของปั๊มน้ำ
การประหยัดพลังงานในอาคารหรือสถานที่ทำงานให้ได้ผลนั้น เจ้าของอาคารหรือเจ้า ของกิจการ พนักงานทุกระดับ ตลอดจนผู้เข้าไปติดต่อในอาคารหรือสถานที่ทำงาน ต้องให้ ความร่วมมือโดยตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดพลังงานและที่สำคัญต้องมีการปฏิบัติ อย่างจริงจังและต่อเนื่องดังแนวทางวิธีการต่างๆ ดังกล่าวมาข้างต้น

จากคุณ Wit-Tha-Ya เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 47 เวลา 0:26:46

ชมรมผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน ขอเชิญเข้าร่วมการสัมมนา นวัตกรรมอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานใหม่ ปี 48 สำหรับบ้านอนุรักษ์พลังงาน เป็นการสัมมนาให้ความรู้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีอุปกรณ์ประหยัดพลังงานใหม่ ๆ สำหรับช่วยประหยัดพลังงานในบ้าน พร้อมทั้งชมการแสดงผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน จากบริษัทชั้นนำของประเทศ ในวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม เวลา 13.00-17.00 น. ณ. ห้องราชา 1 โรงแรม PRINCE PALACE (อาคารโบ้เบ้ทาวเวอร์) กรุงเทพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องด้วยที่นั่งจำกัด ท่านที่สนใจเข้าร่วมสัมมนาและออกบูธแสดงผลิตภัณฑ์ โปรดสำรองที่นั่ง หรือ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณภาวิณี โทร. 0 2247 2339-40 ต่อ 122 www.PREclub.net e-mail : preclub_2001@yahoo.com

จากคุณ www.preclub.net เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 48 เวลา 11:58:25

บ้านอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดโครงการประกวดบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงาน ปี พ.ศ. 2548 ขึ้น เพื่อรณรงค์และส่งเสริมผู้ประกอบการบ้านจัดสรร ให้เห็นความสำคัญและจัดทำบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงาน และ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกแก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อบ้านจัดสรรที่ให้ความสำคัญแก่การอนุรักษ์พลังงาน หากท่านเป็นผู้สนใจจะซื้อบ้าน พลาดไม่ได้ในการเข้าร่วมงาน บ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงาน ปี พ.ศ. 2548 ในวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม เวลา 9.00-12.00 น. ณ. ห้องราชา 1 โรงแรม PRINCE PALACE (อาคารโบ้เบ้ทาวเวอร์) กรุงเทพ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) พร้อมฟังการบรรยาย 20 แม่ไม้ในการประหยัดพลังงานในบ้าน และ รับเอกสารแจกคู่มือการประหยัดพลังงานมากมาย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หน่วยลูกค้าสัมพันธ์ โทร 0 2226 2311 , 0 2222 4102-9 ต่อ 1650, 1668, 1669 www.DEDE.go.th e-mail : dedeoss@dede.go.th หรือ ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บ. ไดเร็คชั่นแพลน จก. โทร. 0 2642 5241-3 ต่อ 116 - 119 www.DIRECTIONPLAN.net e-mail : directionplan@hotmail.com

จากคุณ พพ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 48 เวลา 11:58:58


รูปภาพ (.gif และ .jpg เท่านั้น) :
คำตอบ :
  ชื่อ :

 

Copyright © 2002-3 All Rights Reserved.  King Mongkut's University of Technology Thonburi